:
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เทศบาลตำบลไชยสถาน ติดต่อสอบถาม : โทรศัพท์.053-438110, 053-438111, 052-080948 อีเมล์ : saraban@chaisathan.go.th , chaisathan_cm@hotmail.co.th

ประวัติความเป็นมาตำบลไชยสถาน


ตำบลไชยสถาน  ได้ชื่อจากการตั้งชื่อวัดไชยสถาน หรือใจสถาน  อันเป็นชื่อที่ตั้งให้กับ หนานใจ  ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งวัดขึ้นจากวัดร้างชื่อวัดน้อย  ในปี พ.ศ. 2387  ต่อมาเมื่อมีการขยายพื้นที่ของอำเภอ จึงได้เพิ่มเขตปกครองท้องถิ่นขึ้น  ตั้งเป็นตำบลไชยสถานตามชื่อของหนานใจ  และเปลี่ยนเป็นไชยสถาน อันหมายถึง  สถานที่อันเป็นชัยยะมงคล
ตำบลไชยสถาน ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของ อำเภอสารภี ประกอบไปด้วย 8 หมู่บ้าน ได้แก่..
     หมู่ที่ 1 บ้านต้นโชคหลวง
     หมู่ที่ 2 บ้านศรีสองเมือง
     หมู่ที่ 3 บ้านศรีบุญเรือง
     หมู่ที่ 4 บ้านนันทาราม
     หมู่ที่ 5 บ้านยวม
     หมู่ที่ 6 บ้านโพธิมงคล
     หมู่ที่ 7 บ้านเชียงขาง
     หมู่ที่ 8 บ้านต้นยางหลวง
 


ประวัติความเป็นมาของบ้านต้นโชคหลวง
บ้านต้นโชคหลวง  มีพื้นที่ประมาณ  ๔๕  ไร่  มีรูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ไม่ปรากฏปีที่สร้างและผู้สร้าง  ข้อสันนิษฐานของชาวบ้านว่า  ตั้งชื่อบ้านต้นโชคหลวง  ตามชื่อต้นโชค หรือต้นตะครือป่าโชค  ซึ่งมีอยู่บริเวณนี้มาก  ชาวบ้านนิยมปลูกถือว่าเป็นไม้มงคล..


ประวัติความเป็นมาของบ้านศรีสองเมือง
บ้านศรีสองเมือง  หมู่  ๒  เดิมชื่อว่า บ้านพันกลอย    ออกเสียง  “ ปันก๋อย ”  กลอย  เป็นพืชมีหัว   ตระกูลมัน  นำหัวมาตมกิน  หรือนึ่งกินได้   มีพื้นที่ประมาณ  ๑๖๐  ไร่  มีรูปลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า  แต่เดิมหมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยสัตว์ต่าง ๆ มากมาย  เช่น  งู  เสือ  ฯลฯ  เป็นป่ารก  จนชาวบ้านไม่กล้าที่จะเข้าไป  จึงเรียกว่า  พันกลอย  (เป๋นดีกั๊ว)  ต่อมามีพระภิกษุได้พาชาวบ้านหักร้างถางพง  พบซากเจดีย์  อุโบสถ  จึงทำการบูรณะให้เป็นศูนย์กลางของการตั้งบ้าน  (สร้างหมู่บ้าน)  เรียกชื่อว่า  วัดพันกลอย  และได้มีคำบอกเล่าว่า  บริเวณกลางประตูวัดด้านเหนือ  ผู้สร้างได้บรรจุเต่าทองคำไว้  และเขียนลายแทงว่าให้ขุดขึ้นมาได้สำหรับบูรณะวัด  และให้ชื่อว่า  บ้านพันกลอย  บริเวณใกล้ ๆ กันพบวัดร้างอีก  ๒  วัด  ตั้งเฉียงเป็นสามเหลี่ยมเรียกว่า  วัดสามเส้า  ต่อมาทั้ง  ๓  วัดนี้ได้ร้างไป  จนกระทั่งพระภิกษุเทพินได้บูรณะขึ้นใหม่  เปลี่ยนชื่อเป็นวัดศรีสองเมือง  หมู่บ้านนี้จึงได้ชื่อตามชื่อวัดว่า  บ้านศรีสองเมือง  อันหมายถึง  สะหรี  (มิ่งขวัญ)  ของเมือง (บ้าน)  ชาวบ้านอพยพมาอยู่ส่วนใหญ่จะอพยพมาจากบ้านต้นโชตหลวง..


ประวัติความเป็นมาของบ้านศรีบุญเรือง
บ้านศรีบุญเรือง  หมู่  3  มีพื้นที่  471  ไร่  รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า  เดิมชื่อ บ้านโรงวัว  จากคำบอกเล่า ๆ ว่า  บ้านนี้เป็นที่ตั้งโรง (ผาม)  สำหรับเลี้ยงวัวของเจ้านายในเมืองเชียงใหม่  เพื่อจะใช้ในการขนข้าวที่เกี่ยวแล้วไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง  ภายหลังเมื่อไม่มีการเลี้ยงวัว  ชาวบ้านจึงจั้งชื่อใหม่เป็นบ้านศรีบุญเรือง  อันหมายถึง  ต้นโพธิ์  (ศรี – สะหรี)  ที่ผู้มีบุญนำมาปลูกไว้เพื่อเป็นที่เคารพบูชาเพื่อความเป็นศิริมงคล  มีความเจริญรุ่งเรือง..


ประวัติความเป็นมาของบ้านนันทาราม
บ้านนันทาราม   หรือ นันตะราม  หมู่  ๔  มีพื้นที่ประมาณ  ๒๘๙  ไร่  ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู  หมู่บ้านนี้เป็นชาวไทยเขิน  ซึ่งอพยพมาจากเมืองเชียงตุงในช่วงของพระเจ้ากาวิละ  นำโดยส่างนันต๊ะ  เมื่อมาตั้งบ้านจึงตั้งชื่อตามผู้นำ  ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านจะประกอบอาชีพทำเครื่องเขิน  เครื่องเงิน  ต่อมาชาวบ้านบางกลุ่มได้อพยพไปอยู่ในเขตอำเภอเมือง  (บ้านนันทาราม)  และที่อำเภอหางดง  (บ้านหารแก้ว)  แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันจวบจนปัจจุบัน..
 

ประวัติความเป็นมาของบ้านยวม
บ้านยวม  (ริมกวง)  หมู่  5  มีเนื้อที่ประมาณ  580  ไร่  จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านได้ความว่า  สร้างขึ้นประมาณ  พ.ศ. 2350  รูปลักษณ์ของหมู่บ้านคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า  นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านเล่าอีกว่า  บริเวณที่ตั้งหมู่บ้าน  มีต้นยวม  ขึ้นอยู่หนาแน่น  ชาวบ้านยังได้เก็บไปเป็นอาหาร  และอีกกระแสหนึ่งเล่าว่า  ชาวบ้านที่มาร่วมกันสร้างบ้านแปลงเมืองนั้น  เป็นชาวไตที่อพยพมาจากบ้านยวม  ในเขตของพม่า  เมื่อมาตั้งบ้านจึงใช้ชื่อตามบ้านเดิมที่ตนอพยพมา..


ระวัติความเป็นมาของบ้านโพธิมงคล
บ้านโพธิมงคล หมู่ 6  เดิมชื่อว่า  "..บ้านมังกะละโป.."  สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400  มีพื้นที่ประมาณ 130 ไร่ หัวหน้าทหารพม่าเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น  มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประวัติความเป็นมาจากตำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า  สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีทหารพม่านำกองทัพมาพัก ณ ที่แห่งนี้  แล้วสร้างวัดเพื่อเป็นสถานที่พัก  เพื่อให้จิตใจสงบ  หัวหน้าทหารพม่า ชื่อ มังกะละ  ชาวบ้านเรียกว่า  วัดมังกะละโป  (คำว่า โป  ในภาษาพม่า แปลว่า หัวหน้า) ตามชื่อผู้สร้าง  มีข้อน่าสังเกตว่า  วัดนี้จะหันหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งแตกต่างไปจากวัดในละแวดอื่น  ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  และต่อมาชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นจึงเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "มังกะละโป"   ต่อมาชาวบ้านจึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านใหม่ว่า  หมู่บ้านโพธิมงคล


ประวัติความเป็นมาของบ้านเชียงขาง
บ้านเชียงขาง  หมู่ 7 มีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ รูปลักษณ์ของหมู่บ้านเป็นรูปสามเหลี่ยม  ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2385  ชาวบ้านอพยพมาจากบ้านเชียงขาง  อำเภอเชียงแสน  จังหวัดเชียงราย  เมื่อมาตั้งบ้านก็ใช้ชื่อบ้านเดิมที่เคยอยู่  ประกอบอาชีพทำของ  (เหล็กหล่อ)  เป็นกะทะ  เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า "หม้อขาง"  และการค้าขายระหว่างเมืองเชียงใหม่  เชียงแสน และเชียงตุง  โดยใช้วัวต่าง ม้าต่าง ว่าเป็นพ่อค้าวัวต่าง..

ประวัติความเป็นมาของบ้านต้นยางหลวง 
บ้านต้นยางหลวง  หมู่  ๘   มีพื้นที่ประมาณ  ๒๗๐  ไร่  รูปลักษณ์ของหมู่บ้านเป็นรูปวงกลม  จากคำบอกเล่า ๆ ว่า  มีพระภิกษุทางใต้ได้ธุดงค์มาเห็นบริเวณนี้ร่มครึ้มด้านต้นยาง  และป่าละเมาะ  จึงสร้างวัดขึ้น  เรียกชื่อวัดต้นยางหลวง  ตามต้นยางที่มีอยู่บริเวณนั้น  เมื่อชาวบ้านมาพบพระภิกษุเกิดศรัทธาเลื่อมใสพากันอพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่รอบ ๆ  และตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อวัดว่า  บ้านต้นยางหลวง..